ภาษีธุรกรรมดิจิทัลใหม่อาจพลิกโฉมตลาดการพนันออนไลน์ในประเทศเซเนกัล ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในแอฟริกา
รัฐบาลเซเนกัลได้เสนอ ร่างกฎหมายหมายเลข 17/2025 เพื่อแก้ไขประมวลรัษฎากรทั่วไป โดยเพิ่ม ภาษี 0.5% สำหรับการโอนเงินผ่านมือถือ และ 1% สำหรับการชำระเงินของร้านค้า
ร่างกฎหมายนี้ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาเมื่อวันที่ 17 กันยายน และอยู่ระหว่างรอการลงนามจากประธานาธิบดี
หากมีผลบังคับใช้ ภาษีนี้จะทำให้ ต้นทุนการทำธุรกรรมดิจิทัลประจำวันสูงขึ้น รวมถึง การฝากและถอนเงินบนแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์
💸 ภาคการพนันอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ผู้ประกอบการเตือนว่าภาษีใหม่นี้อาจทำให้ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมสูงขึ้น และ ลดกิจกรรมการเดิมพัน
รัฐบาลคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 230 พันล้าน CFA (360 ล้านยูโร) ในระยะเวลา 3 ปี เพื่อสนับสนุน แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 2025–2028
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Mamadou Moustapha Ba ระบุว่าการเก็บภาษีจากธุรกรรมดิจิทัลเป็นเรื่องของ “ความเป็นธรรม” เพราะภาคดิจิทัลควรมีส่วนร่วมในงบประมาณของรัฐเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งเซเนกัล (Optic) แสดงความกังวลว่าภาษีนี้จะ เพิ่มภาระให้ผู้บริโภค และ ลดกำลังซื้อของประชาชน
📲 เงินมือถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการพนันออนไลน์
ในเซเนกัล มีประชากรไม่ถึง 30% ที่มีบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิม
ดังนั้นบริการกระเป๋าเงินมือถืออย่าง Orange Money, Wave และ Free Money จึงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน
ระหว่างปี 2013 ถึง 2023 จำนวนบัญชีกระเป๋าเงินมือถือเพิ่มขึ้นจาก 7 ล้านเป็น 38 ล้านบัญชี และมูลค่าธุรกรรมรวมกว่า 128 พันล้าน CFA (230 ล้านยูโร)
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าภาษีใหม่นี้อาจ เพิ่มต้นทุนการฝาก–ถอนเงิน และ กระทบต่อระบบนิเวศดิจิทัลโดยรวม
⚖️ ภาคอุตสาหกรรมเสนอทางเลือกใหม่
สมาคมผู้ให้บริการการชำระเงินแห่งเซเนกัล (ASEPAME) เสนอให้เปลี่ยนมาเก็บภาษี 2.5% จากรายได้ของผู้ประกอบการ แทนภาษีจากธุรกรรมลูกค้า
แนวทางนี้สามารถสร้างรายได้ประมาณ 43 พันล้าน CFA (67 ล้านยูโร) ใน 3 ปี และช่วยให้เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตต่อเนื่อง
หากดำเนินการตามแนวทางนี้ รัฐบาลอาจเก็บภาษีเพิ่มเติมได้ถึง 489 พันล้าน CFA (760 ล้านยูโร) จากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้นิติบุคคล
🌐 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม
การถกเถียงเรื่องภาษีนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่าง นโยบายการคลังของรัฐ กับ นวัตกรรมดิจิทัล
แม้ว่ารัฐบาลจะมองว่าภาษีนี้จะช่วยเพิ่มรายได้ของรัฐ แต่หลายฝ่ายกังวลว่าจะ ทำให้การลงทุนลดลงและการเติบโตของแพลตฟอร์มท้องถิ่นชะลอตัว
ขณะนี้การตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่ในมือของประธานาธิบดี ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดว่าภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้หรือไม่